DIY: ซ่อมของใช้ในบ้านง่ายๆ ด้วยตัวเอง

เครื่องมือพื้นฐานที่ควรมีไว้ในบ้าน

ชุดไขควงขนาดต่างๆ ทั้งแบบแฉก แบบดาว และแบบหัวหกเหลี่ยม สำหรับงานซ่อมทั่วไป ควรมีทั้งขนาดเล็กสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และขนาดใหญ่สำหรับเฟอร์นิเจอร์

คีมและคีมปากแหลม ใช้จับ ดึง หรือบิดสิ่งของได้หลากหลาย รวมถึงการตัดลวดและจัดการกับอะไหล่เล็กๆ

เครื่องวัดกระแสไฟฟ้าแบบดิจิทัล ช่วยตรวจสอบปัญหาไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย

กาวหลากหลายชนิด เช่น กาวอีพ็อกซี่ กาวไซยาโนอะคริเลต และกาวไม้ สำหรับงานซ่อมประเภทต่างๆ

เทปพันสายไฟ สเปรย์หล่อลื่น WD-40 และชุดแพทช์สำหรับงานซ่อมฉุกเฉิน

การซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน

เครื่องดูดฝุ่นที่ดูดแรงลดลง มักเป็นเพราะถุงหรือไส้กรองเต็ม เปลี่ยนถุงดูดฝุ่นใหม่ ล้างไส้กรอง และตรวจสอบท่อดูดว่ามีอะไรอุดตันหรือไม่

พัดลมที่ไม่หมุน อาจเป็นเพราะฝุ่นเกาะเกินไป ปิดไฟแล้วถอดปลั๊ก ใช้แปรงนิ่มทำความสะอาดใบพัด มอเตอร์ และระบบระบายอากาศ

โทรทัศน์ที่เปิดไม่ติด ลองเปลี่ยนถ่านรีโมต ตรวจสอบสายไฟ และกดปุ่มเปิดที่ตัวเครื่อง หากยังไม่ติด อาจต้องพาไปซ่อม

เตาไมโครเวฟที่ไม่ร้อน แต่จานหมุนได้ มักเป็นปัญหาที่ Magnetron อาจพัง ควรปรึกษาช่างเพราะเป็นอุปกรณ์ที่อันตราย

หลอดไฟที่กะพริบ อาจเป็นเพราะหลอดหลวม บิดให้แน่น หรือสวิตช์เสื่อม ลองเปลี่ยนหลอดใหม่ก่อน

การซ่อมเฟอร์นิเจอร์ไม้

รอยขีดข่วนบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ ใช้ดินสอสีขาวหรือน้ำมันมะพร้าวทาบนรอยขีดข่วน แล้วขัดด้วยผ้านุ่ม สำหรับรอยลึก อาจต้องใช้ดินสอแว็กซ์ไม้

ลิ้นชักที่เปิดปิดติดขัด อาจเป็นเพราะไม้บวม ใช้กระดาษทรายขัดบริเวณที่ติดเล็กน้อย และพ่นสเปรย์หล่อลื่นที่บานพับ

ขาโต๊ะหรือขาเก้าอี้ที่โซ ใช้กาวไม้หยอดที่รอยต่อ รัดด้วยเชือกหรือแคลมป์ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงให้กาวแห้ง

โซฟาหนังที่แตก ใช้ชุดซ่อมหนัง ทาสีให้เข้ากับสีเดิม และเคลือบด้วยสารปกป้องหนัง

ลิ้นชักที่หลุด ตรวจดู runner หรือรางลิ้นชัก อาจต้องปรับใหม่หรือเปลี่ยนอะไหล่

การซ่อมปัญหาไฟฟ้าในบ้าน

ปลั๊กไฟที่เสียบไม่แน่น มักเป็นเพราะเหล็กสปริงในปลั๊กคลาย ปิดเบรกเกอร์แล้วเปลี่ยนปลั๊กใหม่

สวิตช์ไฟที่กดติดยาก อาจมีฝุ่นเกาะ หรือสปริงเสื่อม ปิดไฟหลักแล้วถอดสวิตช์ทำความสะอาด

ไฟกะพริบบ่อย มักเป็นเพราะหลอดไฟไม่เข้ากับฟิตติ้ง หรือมีปัญหาที่ ballast ของหลอดฟลูออเรสเซนต์

การไฟดับบ่อย ตรวจสอบเบรกเกอร์ อาจมีการใช้ไฟเกินกำลัง ควรลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกัน

ปัญหาไฟฟ้าที่ซับซ้อนหรือมีความเสี่ยง ควรเรียกช่างมืออาชีพ เพื่อความปลอดภัย

การซ่อมปัญหาน้ำประปาเบื้องต้น

ก๊อกน้ำหยด เปลี่ยนยางกันรั่วหรือ O-ring ปิดน้ำหลักก่อน ถอดหัวก๊อก เปลี่ยนยาง แล้วประกอบกลับ

ท่อน้ำรั่ว ใช้เทปพันท่อหรือกาวซ่อมท่อสำหรับรอยรั่วเล็กๆ แต่ควรซ่อมอย่างถาวรโดยช่างประปา

ชักโครกน้ำไม่หยุด ตรวจสอบลูกลอยในถัง อาจสูงเกินไปหรือลิ้นปิดน้ำเสีย ปรับตำแหน่งลูกลอยหรือเปลี่ยนลิ้น

อ่างล้างหน้าอุดตัน ใช้สูบลอดสกปรกหรือผสมโซดาไฟกับน้ำร้อนเท ทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วล้างด้วยน้ำเปล่า

ฝักบัวน้ำไม่แรง อาจมีตะกรันหรือสิ่งสกปรกอุด ถอดฝักบัวแช่น้ำกับน้ำส้มสายชู ใช้แปรงขัดแล้วล้างน้ำ

การซ่อมแผ่น กำแพง และพื้นผิว

หลุมตะปูในกำแพง ใช้ยาแปะรู กดให้เรียบแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง จากนั้นขัดกระดาษทรายและทาสี

กระเบื้องแตก ใช้ยาแปะกระเบื้องหรือซิลิโคนใส อุดรอยแตกให้เต็มแล้วปรับระดับให้เรียบ

ไม้พื้นเดิน ใช้กาวไม้ฉีดเข้าช่องว่าง เหยียบให้แน่นแล้วทิ้งไว้ให้กาวแห้ง

ภาพหลุดจากผนัง ใช้ตะปูพลาสติกหรือสกรูโดยโลกสำหรับกำแพงปูนซีเมนต์ ขุดรูให้เหมาะสมแล้วใส่ปลั๊ก

การป้องกันปัญหาด้วยการบำรุงรักษา

ทำความสะอาดไส้กรองเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นประจำ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตรวจสอบสายไฟและปลั๊กประจำ หากพบสิ่งผิดปกติให้เปลี่ยนทันที

เช็คก๊อกน้ำและท่อประปา หากพบการรั่วเล็กน้อย ให้แก้ไขทันทีก่อนที่จะใหญ่

หล่อลื่นบานพับประตู หน้าต่าง และลิ้นชักเป็นประจำ

รักษาความสะอาดและแห้งในบริเวณที่เสี่ยงต่อเชื้อราและความชื้น

ข้อควรระวังด้านความปลอดภัย

ปิดไฟหลักก่อนทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าทุกครั้ง และใช้เครื่องมือที่มีฉนวนกันไฟฟ้า

สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น แว่นตา ถุงมือ เมื่อทำงานซ่อมแซม

อย่าเสี่ยงกับงานที่ไม่แน่ใจ โดยเฉพาะงานไฟฟ้าแรงสูงหรือแก๊ส ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญ

อ่านคู่มือการใช้งานก่อนซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า และตรวจสอบการรับประกันก่อนเปิดเครื่อง

เก็บสารเคมีและเครื่องมือให้พ้นมือเด็ก และระบายอากาศให้ดีเมื่อใช้สารเคมี

เมื่อไหร่ควรเรียกช่าง

งานไฟฟ้าที่เกี่ยวข้องกับตู้เมนหรือสายไฟหลัก

งานประปาที่ต้องขุดดิน หรือเปลี่ยนท่อใหญ่

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในประกัน การซ่อมเองอาจทำให้เสียประกัน

งานที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรือความเชี่ยวชาญ

เมื่อไม่แน่ใจหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย

การซ่อมของใช้ในบ้านด้วยตัวเองเป็นทักษะที่มีประโยชน์ ช่วยประหยัดเงิน และสร้างความมั่นใจ แต่ที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสมอ การเรียนรู้ทีละนิด และฝึกฝนกับงานง่ายๆ ก่อน จะทำให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ